สัมมนาถอดบทเรียนหลังสิ้นสุดฤดูไฟป่า ของปีงบประมาณ 2568 เผยปีนี้ จุดความร้อนในเขตป่าของกรมอุทยานฯ ลดลง 40%

สัมมนาถอดบทเรียนหลังสิ้นสุดฤดูไฟป่า ของปีงบประมาณ 2568 เผยปีนี้ จุดความร้อนในเขตป่าของกรมอุทยานฯ ลดลง 40%
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ อภิปรายนำในการสัมมนาถอดบทเรียนหลังสิ้นสุดฤดูไฟป่า ของปีงบประมาณ2568 หรือ After Action Review (AAR) ที่โรงแรมรามาการ์เด้น จัดโดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ กล่าวว่า ”...20 ปีที่ผ่านมา ไฟป่า เคยเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่ใหญ่ราว 65% ของพื้นที่เผาไหม้ที่ดาวเทียมบันทึกไว้จากอวกาศ
ไฟในแปลงนาแปลงไร่เป็นรอง คือราว 30%
ส่วนไฟไหม้หญ้าข้างทาง ไฟกองขยะและอื่นๆรวมๆกันคือที่เหลือ 5%
แต่ปีนี้ น่าชื่นชมทีมกรมอุทยานฯที่จุดความร้อนในเขตป่าของกรมอุทยานฯ ลดลงไปได้ถึง 40%
ฝนในปีลานินญ่าที่มาเร็วแม้ไม่ต้องแรง ช่วยดับไฟในป่าเป็นส่วนที่หนึ่ง แต่ที่ต้องบันทึกไว้คือความตื่นตัวของผู้คนร่วมกันสนองระบบป้องกันไฟในป่าของกรมอุทยานฯส่งผลให้ทีมควบคุมไฟเข้าปะทะหน้าไฟในป่าได้เร็ว วางกำลังใกล้จุดเฝ้าระวังได้แม่นขึ้นอีก
ผลจากการแบ่งเป็น14กลุ่มป่า ช่วยให้ทีมในแต่ละกลุ่มทำแผนร่วมกันมาตั้งแต่ก่อนฤดูไฟ ส่งผลให้ระดมทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
งบประมาณปีหน้าจะพาให้กรมอุมยานฯได้จัดหาโดรนขนาดกลางที่สามารถยกของหนักกว่า 40 กิโลกรัมเข้าไปส่งทีมหน้าไฟในป่าได้อีก 15 ตัว แปลว่าทีมหน้าไฟจะมีอาหาร ยา และเครื่องมือที่จะถูกส่งตามข้ามเขาเข้าไปส่งให้ใช้ต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องเดินหันหลังให้ไฟออกมารับอาหารเครื่องดื่มแล้วค่อยแบกกลับเข้าไปหน้างานใหม่
ในอีกด้านคือการที่จิตแพทย์กระทรวงสาธารณสุขจับมือกับนักสังคมสงเคราะห์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับประธานชมรมผู้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล ในพระราชูปถัมป์และผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษทางอากาศเข้าถึงกลุ่มตัวอย่างของชายชุดดำที่ชายป่า เพื่อหาทางดับไฟในใจของพรานนักล่า ที่มีเศรษสถานะยากไร้ ติดแอลกอฮอลล์ หรือสารเสพติด ครอบครัวมีปัญหา และมีอาการหลอนทางจิต หากได้รับการพามาบำบัดและหาทางให้เขาเหล่านี้กลับมามีอาชีพ มีรายได้ทางอื่นจากการบำรุงเฝ้าดูแลต้นไม้
เราก็จะสามารถลดจุดความร้อนและลดปริมาณการระดมคนเข้าป่าไปไล่ดับไฟได้อีกมาก ปีนี้เริ่มกิจกรรมดับไฟในใจคนที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิงเป็นป่านำร่องก่อน
ส่วนในด้านไฟใหญ่อื่นที่สังคมจะต้องช่วยกันจับตาคือไฟในเขตป่าสงวนของกรมป่าไม้ แปลงที่ดินสปก.และที่ดินการเกษตร โดยข้อมูลดาวเทียมพบการเผาฟางในนาข้าวขยายตัวมากขึ้น การเผาในเเปลงอ้อยก็ยังไม่ลด แต่การเผาในแปลงข้าวโพดเริ่มลดลงช้าๆ
อนึ่ง แม้ไทยใช้น้ำมันยกระดีบมาตรฐานยูโร5ทั่วประเทศมาครบปีเศษแล้ว แต่ปริมาณมลพิษทางอากาศที่ไม่ได้เกิดจากการเผาพืชก็ยังสูงอยู่ ดังนั้น การจับตาตรวจสอบที่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินยังจำเป็นมาก
ส่วนการลดการเผาในแปลงเกษตรก็ต้องมุ่งเน้นเรื่องประโยชน์ที่ควรสร้างจากตอซังฟางข้าว ตอซังข้าวโพดและใบอ้อยให้มากขึ้นเช่นกัน เช่นนำไปทำไบโอชาร์ ซึ่งมีมูลค่าสูง ใช้เป็นสารบำรุงดินเกษตรที่ดีเยี่ยม...”
นอกจากนี้ นายวีระศักดิ์ยังได้อธิบายถึงประโยชน์ของข้อมูลที่สหภาพยุโรปปล่อยดาวเทียมดวงใหม่ในเมษายนปีนี้ ชื่อ Biomass เป็นดาวเทียมที่มีจานรับสัญญานเรดาร์สะท้อนกลับที่มีความละอียดสูงจากวงโคจรต่ำ สามารถส่องอ่ายมวลต้นไม้ทะลุพุ่มใบได้ สามารถอ่านทะลุดินลงไปได้ถึง5เมตร และเปิดเผยข้อมูลให้ชาวโลกเข้าถึงได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่โลกมีดาวเทียมรูปร่างแปลกที่สามารถบอกมวลคาร์บอนในแก่นพืช สามารถบอกแหล่งน้ำตื้นใต้ดินทั่วโลก
ดังนั้น ผู้สนใจงานป้องกันป่า แก้โลกร้อน สู้ภัยแล้ง หรือพัฒนาสูตรคำนวณคาร์บอนควรให้ความสนใจติดตามและใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่กำลังเริ่มถ่ายทอดลงมาจำนวนมหาศาลนี้