หน่วยบริหารและจัดการทุนเพื่อการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ส่งต่อนวัตกรรมการเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐาน ด้วยพลังนวัตกรชุมชน

หน่วยบริหารและจัดการทุนเพื่อการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ส่งต่อนวัตกรรมการเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐาน ด้วยพลังนวัตกรชุมชน
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้การเพาะเห็ดนางฟ้าได้ผลผลิตไม่คุ้มค่ามาจากเกษตรกรไม่สามารถควบคุมปัจจัยการผลิตต่าง ๆ 4 ปัจจัยคือ ความชื้น อุณหภูมิ แสง และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพของก้อนเห็ดที่ให้ผลผลิตน้อย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศิวัตม์ กมลคุณานนท์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า การจัดการโรงเพาะเห็ดรวมถึงการผลิตก้อนเห็ดไม่ได้มาตรฐานนอกจากทำให้ดอกเห็ดที่เก็บได้มีขนาดเล็ก ขายไม่ได้ราคาแล้ว ยังส่งผลต่อการออกดอกของเห็ดที่ต้องใช้เวลา 3-4 สัปดาห์จึงจะเก็บเกี่ยวได้ในครั้งต่อไป ทำให้ผลิตเห็ดได้ปีละ 2 รอบ โดยที่ไม่สามารถผลิตเห็ดได้ในฤดูร้อน และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดที่เกิดจากระยะเวลาการเลี้ยงเห็ดที่ใช้เวลายาวนานรอบละ 5-6 เดือน ส่งให้การผลิตเห็ดนางฟ้าภูฐานของเกษตรกรยังอยู่ในวงแคบ ทั้งที่ตลาดมีความต้องการสูง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศิวัตม์ จึงได้พัฒนานวัตกรรมโรงเพาะเห็ดอัจฉริยะ เครื่องเพิ่มความชื้นและลดอุณหภูมิจากโอ่งมังกร และ ก้อนเห็ดประสิทธิภาพสูงในปี 2560-2566 ทำให้สามารถแก้ปัญหาข้างต้นได้ โดยข้อมูลตัวเลขอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมกับเห็ดนางฟ้าภูฐานที่ได้จากโรงเพาะเห็ดอัจฉริยะ ได้ถูกนำใช้ในการพัฒนาเครื่องควบคุมความชื้นและอุณหภูมิอากาศ ที่มีการผนวกภูมิปัญญาการใช้โอ่งมังกรลดอุณหภูมิน้ำ รวมถึงก้อนเห็ดประสิทธิภาพสูงที่มีการฆ่าเชื้อราแข่งขันได้ทั้งหมดแทบไม่มีก้อนเห็ดเสีย สามารถผลิตเห็ดได้ในราคาถูกลง เพิ่มปริมาณก้อนที่ขายได้ นอกจากนั้นยังใช้สูตรอาหารที่เหมาะสมทำให้ได้ดอกเห็ดที่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้น ปริมาณผลผลิตมากขึ้น ลดระยะเวลาการออกดอกในแต่ละรอบให้สั้นลง และทำให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้นจาก 250 กรัมต่อก้อนเป็น 300 กรัมต่อก้อน
ผลจากความสำเร็จดังกล่าว นำไปสู่การขยายผลภายในโครงการวิจัยเห็ด 3 H นวัตกรรมเพื่อการผลิตและแปรรูปเห็ดนางฟ้าคุณภาพ ปลอดสารพิษ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภายใต้กรอบวิจัยชุมชนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้เกษตรกรที่สนใจสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตเห็ดนางฟ้าภูฐานได้จริง และนำนวัตกรรมดังกล่าวไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรในจังหวัดอุตรดิตถ์ผ่านการสร้าง “นวัตกรชุมชน”
ในกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อสร้างนวัตกรชุมชน เริ่มจากการคัดเลือกกับเกษตรกรจำนวน 10 กลุ่ม จาก 10 ตำบลใน 4 อำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอพิชัย อำเภอลับแล และอำเภอทองแสนขัน ที่มีความสนใจและมีประสบการณ์การผลิตเห็ดชนิดนี้มานานกว่า 5 ปี โดยเริ่มต้นด้วยการให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับจากเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะมีการติดตั้งอุปกรณ์และปรับปรุงโรงเพาะเห็ดให้เหมาะกับการเลี้ยงเห็ดรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งมีการเก็บข้อมูลจากการปฏิบัติและใช้งานจริง รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นหนึ่งในขั้นตอนการ “รับ-ปรับ-ใช้”เทคโนโลยี เพื่อยกระดับไปสู่การเป็น ‘นวัตกรชุมชน’ เพื่อเป็นตัวอย่างและถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรที่สนใจรายอื่นๆ

นายอำนาจ พวงรำ เกษตรกรจากตำบลวังดิน อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ หนึ่งในนวัตกรชุมชน กล่าวว่า เมื่อก่อนตนและสมาชิกในกลุ่มที่ส่วนใหญ่เรียนรู้วิธีการเพาะเห็ดจากคนที่เคยทำมาก่อน หรือศึกษาข้อมูลด้วยตนเอง แต่หลังจากที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมโรงเพาะเห็ดอัจฉริยะ เครื่องเพิ่มความชื้นและลดอุณหภูมิจากโอ่งมังกร และ ก้อนเห็ดประสิทธิภาพสูงและนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ พบความแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องของผลผลิตและรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เมื่อโครงการมีแผนขยายผลการทำงานในระยะที่ 2 ตนและเพื่อน ๆ จึงอาสาเข้ามาทำหน้าที่เป็น “นวัตกรชุมชน” เพื่อส่งต่อความรู้และนวัตกรรมให้กับเกษตรกร 7 ตำบลจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดน่าน
ทั้งนี้ นายอำนาจ อธิบายเพิ่มเติมว่า “นวัตกรรมชุมชน” จะทำหน้าที่วิเคราะห์และให้คำแนะนำในเบื้องต้นกับเพื่อนเกษตรกรผ่านการวิดีโอคอล หรือไลน์กลุ่ม เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำแนวทางแก้ไขในเบื้องต้น หากเรื่องไหนที่ตนยังเข้าใจไม่ดีพอก็จะนำข้อมูลไปสอบถามกับอาจารย์ก่อน เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและรอบด้านยิ่งขึ้น หรือบางครั้งอาจมีการลงพื้นที่ไปพบกับเกษตรกรโดยตรง ซึ่งการเป็นนวัตกรชุมชนนอกจากจะทำให้ตนสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรคนอื่น ๆ ได้แล้ว ยังทำให้ตนได้ประสบการณ์และความรู้ใหม่ที่เราสามารถนำมาปรับใช้กับการทำเกษตรอื่น ๆ ได้ด้วย”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิวัตม์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หัวใจสำคัญของความสำเร็จของงานนี้ คือการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตเห็ดนางฟ้าภูฐานในโรงเรือนที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นผ่านกระบวนการ LIP (Learning & Innovation Platform) ที่ประกอบด้วย 4 ภาคส่วนคือ เกษตรกร มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ หน่วยงานภาครัฐ เช่น เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด และภาคเอกชน เช่น หอการค้า ผู้ประกอบการ Modern Trade มาร่วมกันสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ให้เกษตรกร มีทักษะและมุมมองของการเป็น “นวัตกรชุมชน” เพื่อทำหน้าที่ในการขยายผลความรู้ไปสู่วงกว้าง
“เราต้องการสร้างการเกษตรแบบใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ ด้วยการเปลี่ยนชุดความคิดเดิมที่เกษตรกรใช้ไปสู่การ “รับ-ปรับ-ใช้” เทคโนโลยี ซึ่งการใช้นวัตกรชุมชนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้มาเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ คือคำตอบสำคัญของสร้างอาชีพที่จะช่วยให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม”