ขับเคลื่อนด้วยตำนาน | ชาร์จพลังสู่อนาคต โรยัล เอ็นฟีลด์ ฉลอง 125 ปี แห่งการขับขี่อย่างแท้จริง (Pure Motorcycling) ในงาน EICMA 2025 ด้วยรุ่นรถใหม่ที่น่าจับตามองที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมการขับขี่และนวัตกรรม

ขับเคลื่อนด้วยตำนาน | ชาร์จพลังสู่อนาคต โรยัล เอ็นฟีลด์ ฉลอง 125 ปี แห่งการขับขี่อย่างแท้จริง (Pure Motorcycling) ในงาน EICMA 2025 ด้วยรุ่นรถใหม่ที่น่าจับตามองที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมการขับขี่และนวัตกรรม

   เมื่อ : 12 พ.ย. 2568

กรุงเทพฯ 12 พฤศจิกายน 2568: โรยัล เอ็นฟีลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงผลิตอย่างต่อเนื่องฉลองครบรอบ 125 ปี กับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แห่ง Pure Motorcycling ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่ชื่นชอบได้เห็นภาพรวมของการเดินทางแห่งประวัติศาสตร์ จากอดีตอันเป็นตำนานสู่ปัจจุบันที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ ตั้งแต่ปี 1901 โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้สร้างสรรค์ ดูแล และสร้างวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วโลก—ตั้งแต่อินเดีย (เจนไน) ไปจนถึงลอนดอน จากเส้นทางในแอมะซอนไปจนถึงยอดเขาหิมาลัย ที่งาน EICMA ในมิลาน—และต่อเนื่องด้วยงาน Motoverse ในกัว—โรยัล เอ็นฟีลด์ จะเริ่มต้นกิจกรรมเฉลิมฉลองตลอดทั้งปีอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ของบริษัท 

สิทธัตถะ ลาล ประธานบริหาร บริษัท ไอเคอร์ มอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน EICMA ว่า “เป็นเวลา 125 ปีแล้ว
ที่โรยัล เอ็นฟีลด์ ยืนหยัดในฐานะสัญลักษณ์ของงานฝีมือ และความสุขที่แท้จริงของการขับขี่รถจักรยานยนต์ เริ่มต้นจากการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สวยงาม และพัฒนาไปสู่วัฒนธรรมระดับโลก การแสดงออกถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้ไม่เพียงเป็นการมองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการมองไปข้างหน้าด้วยความชัดเจนและความเชื่อมั่น ในงาน EICMA ปีนี้

เราจัดแสดงรถรุ่นใหม่ทั้งหมดที่โรยัล เอ็นฟีลด์ ยึดมั่น ตั้งแต่การออกแบบเหนือกาลเวลาไปจนถึงนวัตกรรมที่มุ่งสู่อนาคต ซึ่งจะกำหนดนิยามใหม่ของสิ่งที่เป็นไปได้ในการขับขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งรถต้นแบบ Electric Himalayan Testbed และ Flying Flea city  
เป็นตัวอย่างของนวัตกรรม ในขณะที่เรามองไปยัง 125 ปีข้างหน้า ภารกิจของเรายังคงเหมือนเดิม นั่นคือการสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีจิตวิญญาณ และทำให้ Pure Motorcycling เข้าถึงได้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ทั่วโลก” 

ในงาน EICMA โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่หลายรุ่น พร้อมนำเสนอภาพรวมของรุ่นและแพลตฟอร์มที่กำลัง
จะเปิดตัวในไม่ช้า และจัดแสดงรุ่นพิเศษที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ชื่นชอบแบรนด์โรยัล เอ็นฟีลด์ 

บี. โกวินดาราจัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รอยัล เอ็นฟิลด์ กล่าวเสริมว่า “EICMA 2025 เป็นการเฉลิมฉลอง 125 ปีของแบรนด์พอๆ กับเป็นการนำเสนอวิวัฒนาการของรถจักรยานยนต์
การเปิดตัวที่นี่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราต่อการออกแบบที่เหนือกาลเวลา นวัตกรรมที่มีจุดมุ่งหมาย และจิตวิญญาณของ Pure Motorcycling สะท้อนจากการเปิดตัว Classic 650 125th Anniversary Special Edition ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างตำนานและนวัตกรรมสมัยใหม่ ในขณะเดียวกัน เราเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของเราด้วย Himalayan Mana Black Edition ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ และ Bullet 650 ซึ่งเติมสีสันใหม่ให้กับไอคอนที่กำหนดนิยามของคนหลายรุ่น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับอนาคตของรถไฟฟ้าของเรา เรากำลังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Flying Flea ด้วยรุ่น FF.S6 โดยเตรียมเปิดตัว
ในปี 2026 เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะยังคงเผยแพร่ DNA ของโรยัล เอ็นฟีลด์ ต่อไป โดยนำเสนอการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม และ Pure Motorcycling ให้กับผู้ขับขี่ทั่วโลก”

สมกับที่เป็นแบรนด์ที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมการขับขี่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวใหม่นำโดย Royal Enfield Bullet 650 ที่สง่างาม Bullet เป็นเสมือนหัวใจของแบรนด์มาอย่างยาวนาน มีคุณค่าเป็นมรดกตกทอดโดยผู้ขับขี่และผู้ที่ชื่นชอบมาหลายรุ่น ตลอดเก้าทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับปรุงสายพันธุ์ของรถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงผลิตอย่างต่อเนื่อง และในปี 2025 ก็ได้พบกับ Bullet 650 ซึ่งเป็นแบบฉบับของความเท่แบบ Old School 

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรุ่นพิเศษของ Royal Enfield Classic 650 ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่เพื่อรำลึกถึง 125 ปีของรอยัล เอ็นฟิลด์ ในงานนี้ด้วย รุ่นพิเศษนี้ผสมผสานรูปทรงเหนือกาลเวลาของ Classic เข้ากับความงามที่ทันสมัยอย่างโดดเด่น ซึ่งแสดงถึงหลักการของโรยัล เอ็นฟีลด์ ในการสร้างสมดุลระหว่างวัฒนธรรมของการขับขี่และนวัตกรรม 

การจัดแสดงรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ที่เป็นที่ชื่นชอบของแบรนด์ โรยัล เอ็นฟีลด์ ได้เปิดตัว Himalayan Mana Black edition รุ่น Mana Black edition นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทาง Mana Pass ที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเกรงขาม และเน้นย้ำถึงลักษณะที่สมบุกสมบันและเรียบง่ายของ Himalayan 

โรยัล เอ็นฟีลด์ ยังได้เปิดตัวการคอลแลบกับ Shotgun x Rough Crafts ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรถจักรยานยนต์คัสตอมรุ่นเก๋าของทางค่าย ซึ่งเป็นการผสมผสานเอกลักษณ์ของปรัชญาการออกแบบนีโอ-เรโทรที่ทันสมัยของโรยัล เอ็นฟีลด์ และสุนทรียศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Rough Crafts ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองจิตวิญญาณแห่งความเป็นปัจเจกชน งานฝีมือ และความคิดสร้างสรรค์ที่กำหนดนิยามของวัฒนธรรมรถจักรยานยนต์คัสตอม

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์สไตล์ Scrambler ใหม่ของ Flying Flea นั่นคือ FF.S6 ในงาน EICMA FF.S6 สร้างขึ้นเพื่อเน้นการขับขี่แบบแอดเวนเจอร์ที่มีความคล่องตัวในเมือง  ด้วยรูปทรงที่พร้อมลุยไปได้ทุกพื้นที่จากการเลือกล้อขนาด 19 นิ้วในด้านหน้าและ 18 นิ้วในด้านหลัง

เกี่ยวกับ Royal Enfield:

Royal Enfield (โรยัล เอ็นฟีลด์) คือแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 จากต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ได้ส่งต่อศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์มาสู่โรงงานผลิตในเมือง Madras ประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ. 1955 ซึ่งนับเป็นฐานการผลิตสำคัญที่ Royal Enfield สร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมรถสองล้อขนาดกลางในประเทศอินเดีย สเน่ห์ของ Royal Enfield คือความมีเอกลักษณ์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ นับเป็นยานพาหนะที่เหมาะในการสำรวจเปิดโลก และแสดงออกถึงบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นแนวทางที่แบรนด์เรียกว่า Pure Motorcycling


 

รุ่นรถที่เป็นไฮไลต์ของ Royal Enfield ได้แก่ Bear 650 Classic 350 Guerrilla 450 Hunter 350 Meteor 350 Super Meteor 650 Interceptor 650 Continental GT 650 Shotgun 650 Himalayan Adventure Tourer Scram 411 Bullet 350 และอีกมากมาย พร้อมกิจกรรมระดับโลก เช่น Motoverse (ชื่อเดิม Rider Mania) ซึ่งเป็นการรวมตัวประจำปีของผู้ที่ชื่นชอบ Royal Enfield หลากหลายพันคน จัดขึ้นที่รัฐโกอา ประเทศอินเดียและ Himalayan Odyssey ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี


 

โรยัล เอ็นฟีลด์เป็นส่วนหนึ่งของ Eicher Motors Limited และมีศูนย์ประกอบ CKD ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายร้านค้ากว่า 2000 แห่งในอินเดีย และเกือบ 850 แห่งในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก


 

Royal Enfield คือหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ Eicher Motors Limited ดำเนินธุรกิจผ่านเครือข่ายร้านค้ากว่า 2000 แห่งในอินเดีย และเกือบ 850 แห่งในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ดูแลเชิงเทคนิคระดับโลกสองแห่งในเมือง Bruntingthorpe สหราชอาณาจักร และในเมือง Chennai ประเทศอินเดีย โดยโรงงานผลิตที่ทันสมัยทั้งสองแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ Oragadam และ Vallam Vadagal ใกล้กับเมือง Chennai ประเทศอินเดีย นอกจากนี้ Royal Enfield ยังมีศูนย์ประกอบ CKD ทั่วโลก ได้แก่ เนปาล บราซิล อาร์เจนตินา โคลัมเบีย รวมถึงในประเทศไทย