สกสว. จัดประชุม PMU-RU Forum & Retreat ดันงานวิจัยสู่ตลาด มุ่งเชื่อมเครือข่ายใช้งานจริง สร้างผลกระทบสูง

สกสว. จัดประชุม PMU-RU Forum & Retreat ดันงานวิจัยสู่ตลาด มุ่งเชื่อมเครือข่ายใช้งานจริง สร้างผลกระทบสูง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ของหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU-RU Forum&Retreat) ครั้งที่ 1/2568 ระหว่างวันที่ 5–6 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมโอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้บริหารจากสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และหน่วยงานบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม (PMU) เข้าร่วม

ศาสตราจารย์ ดร. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กล่าวว่า การขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ (RU) ให้เกิดผลกระทบได้นั้นต้องเริ่มการมี “เป้าหมาย” ที่ชัดเจน ยึด “ความต้องการ” เป็นตัวตั้ง ต้องออกแบบการทำ RU ตั้งแต่ต้นทาง และควรเชื่อมโยงผลงานที่เกิดจากงบประมาณส่วนของ Strategic Fund (SF)และ Fundamental Fund (FF) เข้ามาอย่างเป็นระบบ และเสนอให้ดึงทรัพยากร บุคลากร และเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามาเสริม พร้อมวางระบบให้การขับเคลื่อนแต่ละด้านมีเจ้าภาพชัดเจน และดึงผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนเรื่องนั้น ๆ เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเร่งการไปสู่ผลกระทบที่จับต้องได้จริง

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ กล่าวว่า ผลงานวิจัยและนวัตกรรมควรตอบสนองความต้องการของผู้ใช้จริง และควรปรับการทำงานให้เป็นแบบ Demand Driven มากขึ้น โดยมองจากมุมภายนอกเข้าไป (Outside-In) เพื่อให้เห็นความต้องการที่แท้จริง นอกจากนี้พบว่าในระบบ ววน. มีความรู้และผลงานวิจัยสะสมอยู่จำนวนมากที่ยังไม่ถูกนำไปใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นควรเร่งการสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และต้องมี Strategic Pathway ที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายนั้น พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานต่าง ๆ ทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย เพราะพลังขององคาพยพจะช่วยให้ผลกระทบเกิดขึ้นแบบยั่งยืนได้

ขณะที่ ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ มีอยู่ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่าการจัดประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนผลการดำเนินงานและเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงาน และเพื่อหาแนวทางการผลักดันให้ผลงาน ววน. เกิดการใช้ประโยชน์ในวงกว้างสอดรับเป้าหมาย SRI for All พร้อมเสนอว่าระบบ ววน. ต้องสร้าง ”Visibility” หรือความชัดเจนให้เห็นว่าการลงทุนในงานวิจัยมีความคุ้มค่าและสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง
สำหรับตัวอย่างความสำเร็จจากการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ผลงาน ววน. ของ PMU มีดังนี้
1. สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เน้นการขยายผลงาน ววน. ด้านเกษตร และเทคโนโลยีที่เหมาะสมสู่การใช้ประโยชน์จริงในพื้นที่ 58 จังหวัด มีเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 6800 ราย เกิดผลกระทบในมิติเศรษฐกิจและชุมชน/สังคมมูลค่ากว่า 3000 ล้านบาท ตัวอย่างผลงาน เช่น การผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนตามมาตรฐาน RSPO โดยผลักดันให้เกษตรกรได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO กว่า 1600ราย สร้างรายได้กว่า 25 ล้านบาท และขยายผลเครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว ช่วยลดการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวในการปลูกเหลือ 3-8 กิโลกรัมต่อไร่ จากเดิมใช้ราว 25 -30 กิโลกรัมต่อไร่ด้วยวิธีหว่าน ช่วยลดต้นทุนได้ถึง 20%
2. สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ผ่าน 4 กลยุทธ์ คือ การสร้างธุรกิจที่มีความสามารถเติบโตสูง (Groom) การสนับสนุนการเงินและการลงทุน (Grant) การสร้างโอกาสทางตลาด (Growth) การสร้างเครือข่ายและขยายตลาดสู่สากล (Global) ตัวอย่างผลงาน เช่น การผลักดัน AI วินิจฉัยโรคจากภาพรังสีทรวงอก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัยโรคและให้บริการผู้ป่วย สร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม 295.66 ล้านบาท และการขยายผลงาน ววน. สู่ชุมชนสาเกตนคร จังหวัดร้อยเอ็ด สร้างรายได้กว่า 25000 บาท/คน มีผู้ได้รับประโยชน์กว่า 7000 คน
3. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้และผลงานที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องมุ่งเน้นประเด็นด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างผลงาน เช่น นวัตกรรม “MEEDEE” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุกว่า 25000 คน จาก 77 จังหวัดให้ดีขึ้น มีรายได้ ลดภาระการพึ่งพิง และสร้างเครือข่ายชุมชนเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 และการขับเคลื่อนการบริหารและจัดการน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ
4. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ทำการขยายระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ โดยมีการสังเคราะห์และผลักดันเชิงนโยบายเรื่องถ่ายโอน รพ.สต. ให้กับ อบจ. เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น ต้นทุนต่อหน่วยลดลง โดยมีการนำร่องใน 11 จังหวัด รวมผู้ได้รับประโยชน์ 9 ล้านคน
5. หน่วยบริหารทุนเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เน้นการนำ ววน. ไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ สร้างผลกระทบในมิติเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 1000 ล้านบาท เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีกระบวนการผลิตเซลล์จุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ระดับกึ่งอุตสาหกรรมรายแรกของประเทศที่สร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท และขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
6. หน่วยบริหารทุนพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ขยายผลเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับกลุ่มคนจนฐานราก เกษตรกรรายย่อย และผู้ประกอบการในพื้นที่กว่า 60 จังหวัด เพิ่มรายได้ร้อยละ 15 และสร้างนวัตกรชุมชนมากกว่า 3000 คนทั่วประเทศ ตัวอย่างผลงาน เช่น เครื่องตัดปลาแห้งแบบเส้น ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตตัดปลาเส้นได้จากเดิม 0.7 กิโลกรัมต่อชั่วโมง เป็น 7 กิโลกรัมต่อชั่วโมง นอกจากนี้ได้นำงาน ววน. ไปยกระดับการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 56 จังหวัด
7. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) ได้ผลักดันนวัตกรรมการแพทย์สู่การใช้งานจริงทั้งในตลาดภาครัฐและตลาดภาคเอกชน ตัวอย่างผลงานที่ได้บรรจุเข้าเป็นชุดสิทธิประโยชน์ของ สปสช. เช่น รากฟันเทียม แผ่นปิดกะโหลกจากไทเทเนียม และถุงทวารเทียม ทำให้ภาครัฐประหยัดงบประมาณการนำเข้ามากกว่า 300 ล้านบาท ขณะนี้มีความต้องการใช้ประโยชน์มากกว่า 1 ล้านคน
นอกจากนี้ ได้ทำ Workshop ที่นำเครื่องมือ “RU Framework” มาใช้ระดมสมองเพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนผลงาน ววน. ที่นำไปสู่ผลกระทบสูง เน้นการตั้งเป้าหมายชัดเจน หาแนวทางเชิงกลยุทธ์ และเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Key Stakeholders) ที่จะร่วมกันขับเคลื่อน RU ให้บรรลุเป้าหมาย

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวทิ้งท้ายว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นเวทีในการสร้างเครือข่ายการไปใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรม (RU Network) ที่ทุกหน่วยงานล้วนเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมกันส่งมอบผลงานที่สร้างผลลัพธ์ผลกระทบต่อประเทศอย่างเป็นรูปธรรม